ฟุตบอลโลก 2026 จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่จัดขึ้นพร้อมกันถึงสามประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดา ด้วย 16 สนามแข่งขันกระจายทั่วทั้งสามชาติ ทัวร์นาเมนต์นี้สัญญาว่าจะมอบประสบการณ์สุดประทับใจให้ทั้งนักเตะและแฟนบอล สำหรับผู้ที่อยากร่วมสนุกกับทุกแมตช์ สามารถติดตามและวางเดิมพันผ่าน JBO เพื่อเข้าถึงโลกฟุตบอลระดับโลกได้อย่างครบครัน
ภาพรวมฟุตบอลโลก 2026
ฟุตบอลโลก 2026 ที่กำลังจะมาถึงนี้จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในฐานะการแข่งขันครั้งที่ 23 และเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นโดยมีเจ้าภาพร่วมถึง 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และ แคนาดา ซึ่งจะทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการขยายจำนวนทีมจาก 32 เป็น 48 ทีม และมีจำนวนแมตช์รวมถึง 80 นัด ตลอด 34 วัน ระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน ถึง 19 กรกฎาคม 2026.
สหรัฐอเมริกาจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพหลัก จัดการแข่งขันถึง 60 นัด รวมถึงรอบสำคัญอย่างรอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศ ที่จะจัดขึ้นที่ MetLife Stadium ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ขณะที่เม็กซิโกและแคนาดาจะรับผิดชอบจัดการแข่งขันประเทศละ 10 นัด โดยเฉพาะเม็กซิโกจะได้สร้างสถิติเป็นชาติแรกที่ได้เป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก ถึง 3 ครั้งในประวัติศาสตร์. การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นมหกรรมกีฬา แต่ยังเป็นความร่วมมือทางวัฒนธรรมครั้งยิ่งใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือ. เตรียมพบกับทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พร้อมการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นกว่าที่เคย.
MetLife Stadium: เจ้าภาพนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2026
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2026 จะจัดขึ้นในวันที่ 19 กรกฎาคม 2026 ที่ MetLife Stadium เมือง East Rutherford รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้มหานครนิวยอร์ก ถือเป็นหนึ่งในสนามที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในโลก
MetLife Stadium มีความจุที่นั่งกว่า 82,500 ที่นั่ง ใช้งบก่อสร้างสูงถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเปิดใช้งานตั้งแต่ปี 2010 โดยเป็นเจ้าภาพทั้งการแข่งขันระดับโลกอย่าง Super Bowl XLVIII (2014), Copa América Centenario Final (2016) รวมถึงทัวร์คอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง เช่น Taylor Swift, BTS, Beyoncé, The Weeknd ที่ดึงดูดผู้ชมหลายแสนคนต่อครั้ง
สำหรับฟุตบอลโลก 2026 สนามแห่งนี้จะเปลี่ยนมาใช้ พื้นหญ้าจริง ตามมาตรฐานของ FIFA แทนหญ้าเทียมที่ใช้ในฤดูกาล NFL พร้อมระบบดูแลที่เข้มงวด เพื่อให้เหมาะสมกับการแข่งขันระดับสูงสุด นอกจากนี้ยังติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,350 แผง ผลิตพลังงานได้ถึง 350 กิโลวัตต์ ทำให้ MetLife Stadium ไม่เพียงแต่ยิ่งใหญ่ด้านกีฬาและบันเทิง แต่ยังเป็นหนึ่งในสนามกีฬาที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลก

สนาม MetLife เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2026
สนามฟุตบอลที่จะใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026
นอกจาก MetLife Stadium แล้ว ยังมีอีก 15 สนามฟุตบอล ที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งจะเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับแฟนบอลและนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันฟุตบอลระดับโลก
1. Rose Bowl (Pasadena, California)
เป็นหนึ่งในสนามกีฬาที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เปิดใช้งานตั้งแต่ปี 1922 และมีความจุ 92,542 ที่นั่ง สนามแห่งนี้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับสำคัญหลายรายการ เช่น Super Bowl และแมตช์สำคัญของลีกต่าง ๆ

สนามกีฬา Rose Bowl (Pasadena, California) – ฟุตบอลโลก 2026
2. Levi’s Stadium (Santa Clara, California)
สนามเหย้าของทีม San Francisco 49ers มีความจุ 68,500 ที่นั่ง และสามารถขยายได้ถึง 75,000 ที่นั่งสำหรับกิจกรรมขนาดใหญ่ ถือเป็นหนึ่งในสนามที่ทันสมัยที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย

สนามกีฬา Levi’s (Santa Clara, California) – World Cup 2026
3. FedExField (Landover, Maryland)
สนามเหย้าของทีมอเมริกันฟุตบอล Washington Commanders (เดิมคือ Washington Redskins) เปิดใช้งานในปี 1997 และผ่านการปรับปรุงหลายครั้ง มีความจุ 82,000 ที่นั่ง

FedExField (Landover, Maryland) – ฟุตบอลโลก 2026
4. Mercedes-Benz Stadium (Atlanta, Georgia)
มีความจุ 71,000 ที่นั่ง และเป็นสนามเหย้าของทีม Atlanta Falcons จุดเด่นคือหลังคาที่สามารถเปิด-ปิดได้เหมือนกล้องถ่ายรูป ทำให้เป็นสถาปัตยกรรมเด่นในรัฐจอร์เจีย

สนาม Mercedes-Benz ที่ Atlanta, สหรัฐอเมริกา – ฟุตบอลโลก 2026
5. NRG Stadium (Houston, Texas)
ตั้งอยู่ในเมือง Houston, Texas มีความจุ 80,000 ที่นั่ง ออกแบบในสไตล์อบอุ่นและเป็นกันเอง เพื่อให้แฟนบอลรู้สึกใกล้ชิดกับการแข่งขันมากที่สุด

NRG Stadium, USA – FIFA World Cup 2026
6. สนามกีฬา Lumen Field (Seattle, Washington)
เปิดใช้งานครั้งแรกในปี 2002 เป็นสนามเหย้าของทีม Seattle Seahawks (NFL) และ Seattle Sounders FC (MLS) จุดเด่นคือการออกแบบหลังคาโค้งขนาดใหญ่ครอบคลุมอัฒจันทร์สองฝั่ง สร้างบรรยากาศการเชียร์ที่เร้าใจ รองรับผู้ชมได้กว่า 67,000 ที่นั่ง

สนามกีฬา Lumen Field (Seattle, Washington)
7. สนามกีฬา Soldier Field (Chicago, Illinois)
สนามกีฬาเก่าแก่ที่เปิดใช้งานครั้งแรกตั้งแต่ปี 1924 และได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี 2003 ปัจจุบันจุผู้ชมได้ 61,500 ที่นั่ง ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางกีฬาที่สำคัญของเมือง Chicago

สนามกีฬา Soldier Field (Chicago, Illinois) – ฟุตบอลโลก 2026
8. สนามกีฬา Gillette (Foxborough, Massachusetts)
เปิดตัวในปี 2002 เป็นรังเหย้าของทีม New England Patriots (NFL) และ New England Revolution (MLS) จุดเด่นคือการก่อสร้างบนชั้นหินแกรนิตตามธรรมชาติ ทำให้สนามแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รองรับผู้ชมได้ประมาณ 68,000 ที่นั่ง

สนามกีฬา Gillette, สหรัฐอเมริกา – ฟุตบอลโลก 2026
9. สนามกีฬา Hard Rock (Miami, Florida)
เปิดใช้งานครั้งแรกในปี 1987 และได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี 2017 ปัจจุบันเป็นสนามเหย้าของทีม Miami Dolphins (NFL) จุดเด่นคือหลังคาทรงสี่เหลี่ยมแขวนบนเสาสี่มุมที่ครอบคลุมอัฒจันทร์ทุกฝั่ง ทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์สบายทั้งจากแดดและฝน รองรับได้ถึง 65,000 ที่นั่ง

สนาม Hard Rock, USA – ฟุตบอลโลก 2026
10. สนามกีฬา Azteca (Mexico City, Mexico)
Estadio Azteca ถือเป็นสนามกีฬาระดับตำนานในวงการฟุตบอลโลก เคยจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1970 และ 1986 รวมถึงนัดชิงชนะเลิศ ปัจจุบันจะกลายเป็นสนามแรกที่ได้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกถึง 3 ครั้ง รองรับผู้ชมได้ 87,000 ที่นั่ง

สนามกีฬา Estadio Azteca เมืองเม็กซิโก จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกถึง 3 ครั้ง
11. สนามกีฬา BBVA (Monterrey, Mexico)
หรือที่รู้จักกันในชื่อ “El Gigante de Acero” (ยักษ์เหล็ก) สนาม Estadio BBVA มีความจุ 53,500 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมทันสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหม้อต้มเบียร์แบบดั้งเดิมของเม็กซิโก

สนามกีฬา Estadio BBVA, เม็กซิโก – ฟุตบอลโลก 2026
12. สนามกีฬา Jalisco (Guadalajara, Mexico)
สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1960 สนาม Estadio Jalisco ถือเป็นหนึ่งในสนามเก่าแก่ที่สุดของเม็กซิโก และเคยใช้จัดการแข่งขันกีฬานานาชาติหลายครั้ง รองรับผู้ชมได้กว่า 55,000 ที่นั่ง

สนามกีฬา Jalisco (Guadalajara, Mexico) – ฟุตบอลโลก 2026
13. สนามกีฬา Estadio Akron (Guadalajara, Mexico)
สนามเหย้าของทีม Club Deportivo Guadalajara ความจุ 48,000 ที่นั่ง จุดเด่นคือหลังคาทรงกลมที่ถูกออกแบบให้คล้ายภูเขาไฟ สร้างเอกลักษณ์ที่แฟนบอลจดจำได้ทันที

สนามกีฬา Estadio Akron, เม็กซิโก – ฟุตบอลโลก 2026
14. สนามกีฬา BMO Field (Toronto, Canada)
บ้านของสโมสร Toronto FC สนาม BMO Field สามารถขยายความจุได้สูงสุด 40,000 ที่นั่ง เพื่อรองรับแมตช์ใหญ่ระดับ ฟุตบอลโลก 2026

สนามกีฬา BMO Field, Canada – World Cup 2026
15. สนามกีฬา BC Place (Vancouver, Canada)
เปิดใช้งานครั้งแรกในปี 1983 และปรับปรุงใหม่ในปี 2010 สนามแห่งนี้มีจุดเด่นคือหลังคาเปิด–ปิดได้ ทำให้สามารถจัดการแข่งขันและคอนเสิร์ตได้ทุกสภาพอากาศ รองรับผู้ชมได้กว่า 58,000 ที่นั่ง

สนามกีฬา BC Place, Canada – FIFA World Cup 2026
สรุป
ฟุตบอลโลก 2026 เป็นการรวมตัวของสุดยอดทีมจากทั่วโลก เพื่อแฟนบอลที่อยากร่วมสนุกและวางเดิมพันอย่างมั่นใจ การ แทงบอลออนไลน์กับ JBO Thailand จะมอบประสบการณ์ที่ง่าย ปลอดภัย และสนุกไปกับทุกการแข่งขัน พร้อมให้คุณได้เข้าถึงโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษที่เตรียมไว้สำหรับสมาชิกทุกคน
FAQs
สนาม MetLife จุได้กว่า 82,500 ที่นั่ง ถือเป็นหนึ่งในสนามใหญ่ที่สุดในโลก
สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพหลัก จัดถึง 60 แมตช์ รวมทั้งรอบรองและรอบชิง
สามารถติดตามได้ผ่านสื่อกีฬาหลัก รวมถึง แพลตฟอร์ม JBO ที่มีตารางและราคาต่อรองครบถ้วน
JBO ตอบโจทย์ทั้ง ผู้เล่นมือใหม่และมืออาชีพ ด้วยระบบปลอดภัย โปรโมชั่นหลากหลาย และตลาดเดิมพันครบทุกแมตช์